สำหรับผู้ประกอบกิจการ หอพัก อพาร์ทเม้นท์ (Apartment) อาคารห้องพัก หรือโรงแรม (Hotel)ส่วนของ อินเตอร์เน็ต (Internet) ในอาคารนั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องมีไว้ให้บริการกับผู้เข้าพัก มีการติดตั้งวางระบบ อินเตอร์เน็ต (Internet), ไวไฟ (WiFi), Hotspot เพื่อให้บริการผู้เช่า หรือผู้เข้าพัก สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือปัญหาต่าง ๆ ในการใช้งาน ใช้งานได้ช้า ใช้งานแล้วหลุดบ่อย เน็ตค้าง กระตุก ไม่ว่าจะเกิดจากระบบเอง หรือเกิดจากเครื่องที่ใช้งาน วันนี้เราจะมาพูดถึงส่วนของระบบ ไวไฟ (WiFi) ในอาคาร การป้องกันปัญหาที่เกิดจากระบบเอง
โดยปัจจุบันผู้ให้บริการติดตั้งและดูแลระบบมีมากมาย อีกทั้งเจ้าของหรือผู้ดูแลอาคารพอมีความรู้อยู่บ้าง ผู้ให้บริการบางรายมีความชำนาญจริง บางรายทำตามความเข้าใจคิดว่าเหมือนติดเน็ตใช้งานตามบ้านทั่ว ๆ ไป แต่ในทางปฏิบัติจริงแล้วการติดตั้งและทำให้ใช้งานได้นั้นไม่ยาก แต่จะทำให้ใช้งานได้ดีนั้นมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ต้องคำนึงถึง ดังเช่น
- จำนวนห้องพักที่ใช้งาน
- จำนวนชั้น รูปแบบห้องพัก
- ปริมาณผู้ใช้งาน
- การออกแบบช่องสัญญาณ
- สัญญาณที่คลอบคลุม
- อุปกรณ์ที่เลือกใช้ เช่น Access Point, Switch
- ความเร็ว อินเตอร์เน็ต (Internet) ที่เหมาะสม
- ระบบการบริหารความเร็ว อินเตอร์เน็ต (Internet) เพื่อไม่ให้มีผู้ใช้คนใดคนหนึ่งดึงความเร็วไป
- ใช้งานจนผู้ใช้รายอื่นทำงานได้ช้า
- ผู้ดูแลระบบที่คอยตรวจสอบปัญหา
ที่กล่าวมาข้างต้น โดยส่วนใหญ่แล้ว การออกแบบการทำ Site Survey การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม รวมไปถึงจำนวน Access Point ที่พอเหมาะ ก่อนทำการติดตั้งนั้นจะถูกมองข้ามไป หรือวิเคราะห์ตำแหน่งติดตั้งไม่ขาด จนเมื่อมีการใช้งานในช่วงระยะเวลานึงผ่านไป ปัญหาการใช้งานจะเกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ และมีการร้องเรียนจากผู้เข้าพัก จนในที่สุดระบบที่ลงทุนติดตั้งไปต้องรื้อออก หรือ ต้องมาปรับปรุงใหม่ กลายเป็นงานที่ต้องลงทุนซ้ำซ้อน
ดังนั้น การออกแบบติดตั้งให้เหมาะสมกับอาคาร จำนวนห้อง ปริมาณผู้ใช้งาน และอุปกรณ์ที่เลือกใช้ ตั้งแต่ครั้งแรกนั้นมีความสำคัญมาก จะขออธิบายในแต่ละส่วนตามลำดับความสำคัญดังต่อไปนี้
-
จำนวนห้องพัก จำนวนชั้น รูปแบบห้องพัก ในเบื้องต้นนั้นเราต้องดูลักษณะของรูปแบบอาคาร ตำแหน่งห้อง จำนวนห้องพัก ไม่ว่าจะเป็น ห้องแถวเดียว ห้องหันหน้าชนกัน รูปแบบอาคาร ส่วนในห้องพัก ตำแหน่งห้องน้ำ ระเบียง โต๊ะทำงาน ล้วนมีผลกับการจัดวาง Access Point ทั้งสิ้น เนื่องจากปัจจุบันอุปกรณ์ที่ใช้งานส่วนใหญ่นั้นจะเป็น Smart Phone การใช้งานส่วนใหญ่มีการเคลื่อนที่ตลอดไม่ได้ถูกออกแบบให้ใช้งานในบริเวณใดบริเวณหนึ่งเหมือ PC หรือ Notebook ส่วนนี้การทำ Site Survey ก่อนติดตั้งอุปกรณ์จึงมีความจะเป็นอันดับแรกเพื่อหาตำแหน่งติดตั้ง AP ที่เหมาะสม
-
ปริมาณการใช้งาน เมื่อได้ตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสมแล้ว ต้องคำนึงถึงจำนวนผู้ใช้งานต่ออุปกรณ์ Access Point ด้วย กล่าวคือ หากเราจัดวางตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสมแล้วต้องมาคำนวณปริมาณการใช้งานด้วย ยกตัวอย่างเช่น วาง AP 1 ตัวคลอบคลุมห้องพัก 10 ห้อง คำนวณคร่าว ๆ 1 ห้องพัก มีผู้อาศัย 2-3 คน มี Smart Phone เท้ากับห้องล่ะ 3 เครื่องอย่างน้อย เท่ากับเราต้องหา Access Point ที่ติดตั้งนั้นรองรับการใช้งาน Smart Phone ได้พร้อม ๆ กันอย่างน้อย 30 เครื่อง
-
สัญญาณที่คลอบคลุม ดังที่กล่าวมาแล้วในข้อหนึ่ง ตัวแปรสำคัญอีกเรื่องก็คือรูปแบบภายในห้องพัก กรณีห้องน้ำอยู่ด้านหน้าห้องนั้นมีผลกับสัญญาณอย่างมาก เนื่องจากจำนวนชั้นกำแพงจะดรอบคุณภาพของสัญญาณ ไวไฟ (WiFi) ลง รวมถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในห้อง วัสดุของกำแพง ประตูห้อง ก็มีผล แค่เพียงย้ายตำแหน่งใช้งานในห้องจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งห่างกันไม่ถึงเมตร ก็มีปัญหากับการใช้งานถ้าหากออกแบบไม่ดี
-
การออกแบบ ช่องสัญญาณ ไวไฟ (WiFi) เนื่องจากปัจจุบันนี้ การใช้งาน ไวไฟ (WiFi) ในย่านความถี่ 2.4 นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก การออกแบบ ปรับจูน ช่องสัญญาณนั้นมีความจำเป็นอย่างมาก และส่วนนี้ควรทำโดยผู้ชำนาน ปัญหาหนึ่งที่เจอบ่อยคือผู้ลงทุนกลัวว่าสัญญาณไม่คลอบคลุมจึงติด Access Point ให้มีจำนวนเยอะ แต่กลายเป็นว่าสัญญาณ ไวไฟ (WiFi) ดีถึงดีมากแต่ใช้งานได้ช้า อันเนื่องมาจากปัญหาเรื่องความถี่ ไวไฟ (WiFi) ของอุปกรณ์ที่ติดตั้งไปนั้นกวนกันเอง ทำให้ Traffic ใช้งานนั้นมีปัญหา
-
การเลือกใช้อุปกรณ์ ปัจจุบัน Access Point ในท้องตลาดมีมากมายหลายรุ่นมาก การเลือกใช้อุปกรณ์ไม่เพียงแค่คำนึงถึงความแรงของสัญญาณเพียงอย่างเดียว การใช้อุปกรณ์ที่เหมะสมนั้นสำคัญที่สุด การใช้ Wireless Router หรืออุปกรณ์ที่ใช้งานตามบ้านทั่ว ๆ ไป มาทำการติดตั้งจำนวนมาก ใน Network โดยไม่มี Switch ที่บริหารจัดการ Traffic ที่ดี จะสร้างปัญหาเรื่องความเร็วในการใช้งาน โดยหลักแล้วควรจะเลือกใช้ Access Point มากกว่า Wireless Router และเลือก Future ที่เหมาะสมกับรูปแบบการติดตั้ง เช่น PoE, Manage Switch, VLAN, เพื่อให้การใช้งานแต่ล่ะจุดได้ความเร็วเต็มที่ ไม่มีคอขวด หรือข้อจำกัดจาก Hardware อย่าลืมว่าเราต้องเปิดอุปกรณ์เหล่านี้ 24 ชม ทุกวันตลอดเวลา
-
ระบบบริหารจัดการ User และความเร็วการใช้งาน การนำ Controller Gateway เข้ามาใช้ในระบบ โรงแรม (Hotel) อพาร์ทเม้นท์ (Apartment) หอพักนั้น จึงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้หากต้องการระบบที่ใช้งานได้ดี เพราะส่วนนี้จะทำหน้าที่ควบคุมความเร็วการใช้งานของแต่ล่ะจุดให้มีความเหมาะสม รวมถึงกำหนดสิทธิ์ต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน หากเจอปัญหาว่ามีบางห้องใช้งานได้เร็วจนไปดึงให้ห้องอื่น ๆ ใช้งานได้ช้า หรือ บางวันก็ใช้ได้เร็วบางวันก็ใช้งานได้ช้า แล้วล่ะก็ ชัดเจนเลยว่า ท่านต้องการอุปกรณ์ตัวนี้
-
การบำรุงรักษาระบบ เมื่อเรามีระบบที่ดีแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการดูแล บำรุงรักษาระบบให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ อย่าลืมว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งทั้งหมดนั้นต้องเปิดใช้งานตลอดเวลา 24 ชม ต่อวัน เมื่อมีอุปกรณ์ใดไม่ทำงาน หรือทำงานไม่ปกติ จะส่งผลให้การใช้งานมีปัญหา และกลับมาด้วยการแจ้งปัญหาเข้ามาจากผู้เข้าพัก การดูแลระบบให้พร้อมใช้อยู่เสมอจึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน อีกทั้งปัญหาบางอย่างก็อาจจะเกิดจากมือถือ หรืออุปกรณ์ของผู้ใช้งานเอง การมีผู้ดูแลระบบคอยให้คำปรึกษาการใช้งาน แนะนำการแก้ปัญหาต่าง ๆ เพื่อลดภาระของเจ้าของหรือผู้ดูแลอาคาร ก็สามารถให้ท่านมีระบบที่ดีและสมบูรณ์ ลดปัญหากวนใจได้อย่างเบ็ดเสร็จ
-
อันดับสุดท้ายคือความเร็ว อินเตอร์เน็ต (Internet) ที่จะต่อเข้ามาใช้งานในระบบ เราให้ความสำคัญส่วนนี้น้อยสุด เพราะเมื่อเรามีระบบที่ดี พร้อมกับการบำรุงรักษาที่ดีแล้ว Bandwidth ที่จะต่อเข้ามาก็จะถูกนำไปใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด แต่ถ้าเรามีระบบที่ไม่ดีตั้งแต่แรก เลือกใช้อุปกรณ์ติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน ออกแบบระบบไม่ดี และขาดการดูแล ต่อให้มีความเร็วต้นทางมากแค่ไหน ปลายทางที่ผู้ใช้งานในห้องพักก็ไม่สามารถใช้งาน อินเตอร์เน็ต (Internet) ได้เต็มความเร็วที่มีอยู่ดี
บทสรุปของปัญหาต่าง ๆ ของการใช้งานในหอพัก โรงแรม (Hotel) อพาร์ทเม้นท์ (Apartment) จำเป็นต้องได้รับการวางระบบที่ดีตั้งแต่แรกเริ่ม ท่านเจ้าของอาคาร หอพัก โรงแรม (Hotel) อพาร์ทเม้นท์ (Apartment) ควรให้ความสำคัญในส่วนนี้ก่อนการลงทุนติดตั้งระบบเพื่อไม่ให้กลายเป็นปัญหาให้ปวดหัวในภายหลัง และสิ้นเปลืองเงินลงทุนแก้ไขไม่จบไม่สิ้น